ภูมิปัญญาท้องถิ่น มิติใหม่การพัฒนาเศรษฐกิจชาวบ้าน

บทความยอดเยี่ยม/กลุ่มวิชาการยุ่งเจ้าหน้าที่เทศบาลแห่งแหลมทอง หลัวจรสติเฟือนที่แนวทางต่างประเทศชำรุดทรุดโทรมนานสภาพเศรษฐกิจเสื่อมถอยจำเป็นจะต้องกลับควาน “ข้อความรวมตัวกันตน” รัฐบาลจำเป็นจะต้องลงมาตั้งใจ “เศรษฐกิจเข้าผู้เข้าคนรากเหง้าตฤณชาติ” เพราะมากมายสิ่งดำรงฐานะวิถีชีวิตที่โล่งแจ้งภาพร่างบ้าน ๆ มีตัว มีอัตลักษณ์ (Identity) กล่าวคือ สังคมแต่ละสังคมเที้ยรมีอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมเป็นสรรพสิ่งตนเอง สถานที่เรียกหาว่า “ไหวพริบท้องแดน” (Wisdom) สถานที่นับว่าเป็น “ตัวความฉลาดของชาวบ้าน” ที่ 3 ชั้น คือ “ภูมิปัญญาระดับชาตำหนิติเตียน” “ความหลักแหลมระดับดาษดื่นเสี่ยว” ด้วยกัน”ภูมิปัญญาชั้นท้องที่อยู่” ท่ามกลางกระแสโลกาภิวัฒน์ เวลาที่ข้อมูลข่าวสารไร้พรมแดน ทางจารีตต่างประเทศต่างบ้านต่างเมืองไหลเข้ากลืนกินความเป็น “ตัวร่างกาย” สับสนแตกตื่นจากไปพร้อมด้วยแนวคิด “ทุนนิยมอิสระ” ที่เข้าล่วงล้ำข้อความเป็นตัวเป็นตนตนในที่มรรคสรรพสิ่งที่สาธารณะร่างบ้าน ๆ จ่ายเข้าสิงสู่ที่วงจรของระบบเศรษฐกิจสถานที่กำหนดทุนเป็นใหญ่ในที่ “หลักการกินการตั้งกฎเกณฑ์” (Consumerism) คลั่งไคล้ติดสอยห้อยตามเข้าผู้เข้าคนที่การบริโภค คุยโวมั่งคุยเขื่องประกอบด้วย จับจ่ายของซื้อของขายที่มีเข้ามาซื้อขาย สินค้าเครื่องอำนวยความสะดวกสบายดีแตกต่าง ๆ ก็เปล่าละเว้น ก็เพราะว่ามี “ตลาดนัดลำคลองเยอะแยะ” “ตลาดผลิตภัณฑ์ราคาถูกของซื้อของขายมือคู่” ไม่ก็ “ตลาดนัดจากมนุชค้าขายเร่” “ร้านสะดวกจ่าย” “ร้านรวงซุปเปอร์มาร์เก็ต” (ห้าง) ไม่ใช่คนในหมู่บ้านขายคุ้นเคย กำหนดการบริโภคเพื่อที่จะการค้าขาย เกิดเพื่อค้าขาย มิใช่ผลิตเพื่อจะการเลี้ยงตนเองอีกต่อไป ทำเอาวิถีชีวิตต้นฉบับนิวาสสถาน ๆ ถูกทำลายจรกะปริดกะปรอย บางแห่งคงขาดหายจากไปเลย ขนมจากมนุชสาวสู่หนุ่มที่สืบไปสอนสู่เสี่ยวชั้นหลังต่อเนื่องมาแต่อดีตสมัยหายจรพ้น ยกมาสะดวก ๆ ชนบทเวลาเมื่อกระทั่ง 30-40 ปีก่อนนับว่าเป็นคดีสามัญ การช่วยกัน (พัก) ดำ ทุบข้าว(นวดข้าว) เป็นวิถีชีวิตของคนต่างจังหวัดต่างจังหวัด ภายหลังเมื่อประกอบด้วยรถยนต์เกี่ยวข้าว การช่วยกันนวดข้าวแล้วก็หายจร ลูกรุ่นใหม่ทึ่มจักการเข็นท้องนา งานเลี้ยงกระบือ การเกี่ยวข้าว งานนวดข้าว การหม่าอุแหนงใจช่วงนวดข้าว (ระยะฤดูหนาวคนภาคเหนือเรียกหน้าแล้ง) การแผดเสียงฟ้อนสร้างเสียงเพลงทุบอาหาร หนุ่มสาวเกี้ยวห้ามพร้อมด้วยเพลงลูกทุ่ง ผญา ถ้อยคำสอย (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) จ๊อย (ภาคเหนือ) การนอนซุ้มกองมัวในที่หน้าหนาว เป็นต้น มันหายไปจากเข้าสังคมชนบทบ้านนอกแน่ๆ ๆ วิถีชีวิตสิ่งของชาวไร่ชาวนากลายมาก ๆ ประกอบด้วยการชดใช้สารเคมีมากขึ้น หมู่การทำไร่ทำนาดำรงฐานะภาพร่างว่าจ้างแรงงาน ปราศจากการช่วยกัน เงินลงทุนการทำนาเจริญพร้อมด้วยระบบการลงทุนผลิตข้าวไม่ก็ของซื้อของขายทุ่งเพื่อจะส่งซื้อขาย ครุ่นคิดเข้านี้แล้ว อดอยากปากแห้งหวนคิดวิถีชีวิตสรรพสิ่งคนต่างจังหวัดช่วงปัจจุบันเลี่ยนกลายหมด นี่ครอบครองพางโจทย์หนึ่งเค้าเดิมขึ้นแน่ๆ ๆ ไหวพริบไทยได้แก่เช่นไรมั่ง ประกอบด้วยถ้อยคำตวาด “ภูมิปัญญาท้องถิ่นก็เสมอเหมือนห้วยที่อยู่ในหนอง แม้ละเลยเก็บโดยปราศจากการไหลเวียนน้ำนั้นก็จักเน่า ทว่าแม้ประกอบด้วยธารใหม่ไหลเข้าเปลี่ยนน้ำเก่าก็จักเกิดความเคลื่อนไหวไหลเวียนไปในที่ที่ต่าง ๆ หมู่ชนก็จักได้มาชดใช้ธารนั้นตั้งแต่ต้นเลยเวลาต้านปลายล่าช้า” พิสูจน์ย้อนอดีตแยกแยะ “ภูมิปัญญาท้องถิ่นไทย” กักคุมอีกรอบดุประกอบด้วยอย่างไรบ้าง แยกแยะห้ามดุประกอบด้วยอย่างไรมั่ง เพื่อจักได้มาครุ่นคิดว่าประกอบด้วยสิ่งใดบ้างสถานที่กำลังจะสูญหายไป หรือดูจะจักเลว เพราะว่า ฉีกผู้สืบสันดานและสิงสู่ในภาวะความเสี่ยงจวนขาดหาย ลงมาเริ่มแรกจองที่ คณะกรรมการวัดผลเอกสาร ด้วยกันข้อเตือนความจำ ในที่คณะกรรมการอำนวยการจัดงานสรรเสริญพระเท้าสมเด็จกษัตริย์แผ่นดินที่ 9 (พ.ศ. 2543) ขีดคั่นสำนักงานสาขาไหวพริบไทยไว้ต่างๆนาๆขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และกฎเกณฑ์ที่ข้างแตกต่าง ๆ ดำรงฐานะ 10 สาขา ถือเอาว่า (1) ไหวพริบข้างกสิกรรม (2) ความหลักแหลมด้านอุตสาหกรรมหัตถกรรม (3) ไหวพริบข้างการแพทย์แบบอย่างแหลมทอง (4) ความหลักแหลมปีกการสั่งการทรัพยากรธรรมชาติด้วยกันที่แวดล้อม (5) ภูมิปัญญาปีกทุนรอนกับงานชุมชน (6) งานสั่งการหน่วยงาน (7) ไหวพริบด้านศิลปกรรม (8) ความหลักแหลมด้านภาษากับวรรณกรรม (9) ไหวพริบปีกปรัชญา ศาสนา ขนบธรรมเนียมประเพณี (10) ไหวพริบปีกโภชนาการ กลุ่มนี้นับว่าเป็นภูมิปัญญาแหลมทองสถานที่มีความหมาย และนำมาซึ่งความภาคภูมิใจประกบสังคมแหลมทองทั้งผอง ขนมจากโจทย์แค่วิถีชีวิตที่กลายข้างต้น ก่อกำเนิดโจทย์ด้วยกันภาวะวิกฤตินานัปการ สะท้อนให้เหลือบเห็นตวาด ช่วงปัจจุบัน “ไหวพริบช่องท้องที่” มันไม่ผิดแตะไปสิ้น เลี่ยนล่าช้าจากไปแล้ว ทว่าเมื่อ 20 ปีกลายในระยะ “แผนปรับปรุงเศรษฐกิจด้วยกันเข้าผู้เข้าคนแห่งชาติฉบับแห่ง 8 (พุทธศักราช 2540 – 2544) จับใจความประธานของความหลักแหลมประเทศไทยวาง รวมความว่า (1) ภูมิปัญญาประเทศไทยสนับสนุนก่อสร้างชาติแบ่งออกถาวร (2) สร้างความภาคภูมิใจด้วยกันเกียรติศักดิ์เกียรติแก่ชาวไทย (3) สมรรถประยุกต์หลักคำสอนจากไปใช้กับวิถีชีวิตได้มาอย่างเหมาะสม (4) ก่อสร้างคดีเทียบเท่าระหว่างคนในเข้าสังคมด้วยกันธรรมชาติชนิดยั่งยืน (5) เปลี่ยนแปลงซ่อมปรับใช้ติดสอยห้อยตามคราว การเรียนส่งเสริมภูมิปัญญาไทย คณะรัฐมนตรีเห็นดีครั้น 16 พฤศจิกายน 2542 จ่ายนำยกมาภูมิปัญญาที่สั่งสมวางในบ้านเมืองลงมาใช้เป็นพื้นฐานประธานส่วนหนึ่งในการพัฒนามนุษย์หรือไม่ก็การปรับปรุงการเรียนรู้ นำมิติทางวัฒนธรรมมาใช้ที่การพัฒนา เพราะว่าการบริหารทำความเข้าใจในที่หมู่โรงเรียน มิใช่มีน้ำใจจ่ายนักศึกษาส่วนมากเรียนรู้กิจจาและความหลักแหลมเข้าผู้เข้าคนประเทศไทยที่สั่งสมสืบทอดลงมาที่โบราณกาลเท่าที่ควร ที่ทำการเลขาธิการที่ประชุมการเรียนแล้วจึงคว้าตั้งขึ้นทีมเวิร์กขึ้นไปเพื่อที่จะทำความเข้าใจค้นคว้ากรณีภูมิปัญญา เพื่อสนับสนุนจ่ายก่อเกิดการเรียนรู้ชิ้นพึงปรารถนา เพราะกระทำ (1) วิเคราะห์ ศึกษาค้นคว้าการค้นคว้าด้วยกันทรรศนะกระยาเลย แห่งข้องแวะกับดักภูมิปัญญาในที่ชั้นเนื้อที่การเรียนทั่วสรรพสิ่งไทยกับต่างชาติต่อจากนั้นพินิจพิจารณา สรุปประเด็นสำคัญไว้ประกอบการวิเคราะห์ (2) สัมภาษณ์ ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้รู้ ผู้ชำนาญการ ตลอดจนประชุมหารือโหมสติปัญญาจากทั้งหลายผู้รู้ (3) ทำร่างแผนการกับขอบข่ายงานส่งเสริมภูมิปัญญาประเทศไทยในที่การจัดการเรียนรู้เหตุด้วยเสนอรัฐบาลใช้คืนเป็นยุทธศาสตร์ที่การฟื้นฟูภูมิปัญญาเพื่อที่จะงานจัดการศึกษาด้วยเหตุที่กำหนดในที่กฎหมายสูงสุดแห่งอาณาจักรแหลมทอง พุทธศก 2540 ด้วยกัน พระราชบัญญัติการเรียนแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ซึ่งต่อมาประกอบด้วยข้อเสนอจ่ายปรับปรุงกำหนดหลักสูตรท้องถิ่นแบ่งออกมีจุดสำคัญและกระบวนการเรียนรู้บนบานพื้นฐานสรรพสิ่งไหวพริบไทย เพราะโรงเรียนกับที่สาธารณะสมคบคิดมีวรรณะ “ครูไหวพริบแหลมทอง” มีวิทยาคารเป็นศูนย์กลางการเรียนของชุมชน มรดกภูมิปัญญาจารีตรายปี 2562 เพราะสภาวัฒนธรรม สำนักงานธรรมเนียมปฏิบัติเมือง และองค์กรอภิบาลส่วนท้องถิ่น ร่วมจัดทำหลักการพิทักษ์ปกป้องมรดกไหวพริบทางวัฒนธรรมที่ที่โล่งแจ้งสรรพสิ่งตนสมคบคิด แบ่งออกสมรรถสืบสานมรดกจารีตสิ่งดีสรรพสิ่งภาคด้วยกันสรรพสิ่งชนชาติ กรมจรรโลงจารีตข่าวขึ้นบัญชี “มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของเมี่ยงกล่าวโทษ” รายปี 2562 ครบถ้วนยกย่องเชิดชูเกียรติศักดิ์ กลุ่มเครือข่ายดีเลิศทางวัฒนธรรม ในตำแหน่งแห่งไทยได้เข้าไปครอบครองพวกขาข้อตกลงเกี่ยวกับการสงวนรักษามรดกจารีตที่จับจำเป็นจะต้องไม่ได้ ค.ศ. 2003 “ข้างวรรณกรรมกลางบ้านและภาษามนุษย์” ผลรวม 18 หมายกำหนดการ เช่น (1) เหตุการณ์นกเขาสาปสรรสารเสพติด จ.จังหวัดชัยนาท (2) ประวัติการณ์เมืองจังหวัดลพบุรี จังหวัดจังหวัดลพบุรี ข้างศิลปะการแสดง (3) โปงลาง จ.จังหวัดกาฬสินธุ์ (4) กลองยืดยาด จ.แบน (5) ร่ายรำมอญ จ.จังหวัดปทุมธานี (6) ร่ายรำตร๊ด จ.ศรีสะเกษ กับ จังหวัดสุรินทร์ (7) ลำแมงแผงเต่า ไทเกิน จังหวัดเลย ด้านแนวปฏิบัติทางสังคม จารีต ขนมธรรมเนียม ด้วยกันงานเทศกาล (8) ธรรมเนียมเงินประกอบด้วยยกย่อง จังหวัดจังหวัดนครปฐม และ จังหวัดอุตรดิตถ์ (9) โจมารุตะม้วต จ.จังหวัดสุรินทร์ (สิบ) ประเพณีห้อมล้อมผู้หญิงแน่น บุรีนครศรีธรรมราช ข้างความรู้กับความประพฤติเกี่ยวเทพนิรมิตและจักรวาล (สิบเอ็ด) ทุเรียนความสนุก จังหวัดนนทบุรี (12) ปลาสลิดโปร่งใสบ่อ จังหวัดจังหวัดสมุทรปราการ ข้างกิจธุระช่างฝีมือเดิม (13) หม้อน้ำดินเผาเกาะเรื่องเล่า จังหวัดจังหวัดนนทบุรี (14) การทำงานปูนปั้นตระกูลช่างนครพิเชียร เมืองเพชรบุรี (15) ภาชนะดินเผาช่องเกวียน จ.จังหวัดนครราชสีมา (16) ผ้าซิ่นหมี่แบ่งโหรงเหรงอิสระปลัก จ.จังหวัดเพชรบูรณ์ ข้างงานโจ้พื้นบ้าน กีฬาพื้นบ้าน ด้วยกันศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว (17) อิ้ทิชากรอนร่ายรำแคน จังหวัดจังหวัดนครปฐม ด้วยกัน (18) การแข่งขันว่าวดุ๊ยดุ่ม จ.เมืองจันท์ ภูมิปัญญาท้องถิ่นประเทศไทยขาดการพัฒนาไม่เหมือนประเทศแห่งเติบโตต่อจากนั้น อันตรายปัญหาภูมิปัญญาท้องถิ่นตรงนั้น#สลับซับซ้อนเกินกระทั่งแห่งคนเดินดินจักแจ้ง แต่จากสถานะที่จริงสถานที่ยอมรับนัยเนตร ตรึกตรองสะดวก ๆ จาก “สิ่งสถานที่มนุษย์ขาดไม่ได้ต่อการรักษาชีวิตินทรีย์” ไม่ก็ “ปัจจัยถู่” ตัวอย่างเช่น ของกิน ยา เครื่องนุ่งห่ม ด้วยกันบ้าน อันเป็นไปพื้นฐานสถานที่ทำเอาที่สาธารณะพึ่งพาตัวเองคว้า ครั้นที่สาธารณะมีงานพึ่งพาตนเองได้มา ที่โล่งแจ้งก็จักมีการดำรงชีวิตติดตามวิถีคว้า ตาขออธิบายสถานะปัญหาที่มากระทบตัวอย่างเช่น (1) ธุรกิจขนาดใหญ่ครึ่งหนึ่งผูกขาดเข้ามาในที่ที่สาธารณะ ตั้งแต่ปัจจัยการผลิตทางการนา ด้วยกันการตลาด หมายรวมผลิตผลของซื้อของขายร่างกินแบบที่ไม่มีคุณลักษณะประกบการผลิต (2) เนื้อที่การเกษตร ไม่ก็ “ที่ปฐพี” หนึ่งในที่ “ปัจจัยงานเกิด” ประกอบด้วยบางตา หรือไม่ก็ คนเดินดินปราศจากเจ้าของในที่แผ่นดิน พอวัดกับจำนวนรวมพลเมืองที่ว่าการทุ่ง ทำเอาคนรุ่นใหม่ภาคการเกษตรวิ่งหนีไปลงมือที่อื่นๆ ในที่ภาคอุตสาหกรรมกับงานบริการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมนุชสาวสาวรุ่นหนุ่ม ละเลยคนแก่คนแก่สิงสู่ที่บ้าน (3) ผลิตภัณฑ์ นวัตกรรม ไหลมาจากต่างประเทศ ชาวไทยคว้าเลือกเฟ้นชดใช้บริบูรณ์ เป็นเหตุให้ปราศจากงานทบทวนดูการผลิตและการพัฒนาสินค้าเอง ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่ครอบครองผลิตภัณฑ์ที่ไม่จำเป็น แต่ดำรงฐานะผลิตภัณฑ์ตามกระแสระบบทุนนิยมอิสระ “แนวคิดกินการตั้งกฎเกณฑ์” ตามกระแสความนิยม ฟุ้งเฟ้อ สะดวก เปล่าก่อให้เกิดการผลิต ฯลฯ ก่อให้เกิดงานสร้างภาระด้วยกันหนี้สิน แหล่งชุมนุมจรดสินค้าอุปกรณ์เคมีการเกษตร กับสินค้าทั้งปวงไปในชีวิตประจำวันทั้งผองเช่นกัน (4) ยากลางบ้าน อาหารพื้นบ้าน ผู้แสดงกลางบ้าน จมอยู่กับกฎเกณฑ์ลิขสิทธิ์ อย. (อย.) ระเบียบหลักเกณฑ์ต่าง ๆ เจริญไม่ทันประกบตามยุคสมัยสรรพสิ่งพื้นแผ่นดินทันสมัยแห่งการสังหาร “Disruptive Technology” ทว่ากรมทรัพย์สินทางปัญญาจะ มีการขึ้นทะเบียน งานแจ้งข่าวภูมิปัญญาชาวบ้าน การจดสิทธิบัตร หรือไม่ก็โจทย์การพาหยิบยกภูมิปัญญาท้องถิ่นแหลมทองไปใช้ประโยชน์ในที่เชิงพาณิชย์ หรือ ข้อความผู้ตั้งอวัยวะปัญญาไม่ได้แหนหวงสงวนสิทธิ์เมื่อภูมิปัญญาท้องถิ่นได้มาไม่ผิดแพร่หลายจรแล้วก็ขาดคุณลักษณะที่จะครับคดีดูแลรักษาในที่ระบบทรัพย์สินทางปัญญา (Public Domain) เป็นอาทิ (5) พื้นที่ราชการแห่งเป็นผู้นำในที่ปีกแตกต่าง ๆ อาทิเช่น กรมจรรโลงธรรมเนียมปฏิบัติ กรมทรัพย์สินทางปัญญา ที่ว่าการขนมธรรมเนียมแห่งชาติ หรือกรมศิลปากร เป็นอาทิ ให้ความสำคัญต่อนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ภูมิปัญญาไทยน้อย ส่วนหนึ่งส่วนใดครอบครองข้อจำกัดด้านข้อบังคับ รวมถึงกรณีปัญหา “โจรสลัดชีวภาพ” คือว่า การนำเอาทรัพยากรชีวภาพ ภูมิปัญญาท้องถิ่นหรืออวัยวะปัญญาแห่งเกี่ยวพันงานใช้ทรัพยากรธรรมชาติไปนำไปใช้โดยไม่ถูกต้อง หรืองานไม่ใช่อุดหนุนประโยชน์ที่ได้มาประกบผู้ครอบครองอย่างเป็นธรรม (6) รายได้แดนจำเป็นจะต้องพึ่งพาการลงทุนจากต่างด้าว (Dependency Economic) เป็นสำคัญ ทำเอาเงินสะสมถูกจองจำกัดพร้อมด้วยข้อแม้สรรพสิ่งทุนนิยมติดสอยห้อยตามแหล่งผู้ประดิษฐ์กองทุนตรงนั้น ๆ (7) ระบบพึ่งตนเองสิ่งของไทย มีน้อยลง แม้จะมีรัฐวิสาหกิจสูงสุด ที่รวมถึงการพัฒนาเค้าโครงความคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (Sufficiency Economy) สถานที่สวนทาง ฉีกงานส่งเสริมด้วยกันความเกี่ยวเนื่อง ต่อสู้กับทางระบบทุนนิยมพื้นโลกแห่งประกอบด้วยพลังยิ่งกว่า (8) ระบบแบบสร้างกฎหมายไทย อีกต่างหากปรับปรุงไม่ทันการ กับความเปลี่ยนแปลงในการปกป้องปกป้องภูมิปัญญาชาวบ้าน การรับช่วงภูมิปัญญาชาวบ้านอีกต่างหากไม่มีหน่วยงานหลักตามกฎหมาย จะมีแต่ว่าองค์กรกระจิดริด ๆ เช่น โฮงพี่ชายนสืบสานภูมิปัญญาโล้นท้องนา โรงเรียนสอนทุยขูดรีดที่นา จังหวัดสระแก้ว (วิทยาคารกาน้ำสเรื้อสิวิทย์) เป็นอาทิ ในที่ระยะยาวน่าจะประกอบด้วยมาตรการทางกฎหมายที่เป็นระบบข้อบังคับทรัพย์สินทางปัญญากับระบบข้อบังคับปกป้องภูมิปัญญาท้องถิ่นเฉพาะเจาะจง (sui generis system) โดยมีองค์การเฉพาะที่สอดส่องรับผิดชอบทางข้างงานให้การดูแลรักษาภูมิปัญญาชาวบ้าน ทำยังไงจะจ่ายเศรษฐกิจคนธรรมดารอดตายคือเป้าหมาย “ชุมชนจำเป็นจะต้องอยู่พ้นไป” “จำต้องสิงสู่ได้มา” การกเหลาไปดูด้วยกันแบ่งออกความใส่ใจในที่ “ปฏิภาณช่องท้องที่” ที่องค์ปัญญาสถานที่มีสิงสู่สูงสุดที่วิถีชีวิตสรรพสิ่งคนบ้านนอกจะครอบครองมิตินวชาต “ช่องทางนวชาต” (Alternative) ของการพัฒนาเศรษฐกิจ และ ปฏิรูปประเทศได้